< Previousการเลี้ยงดูเอาใจใส่เด็กที่ดีต้องครอบคลุมทั้งทางร่างกายและจิตใจ แต่เด็กบางคนอาจมีโรคที่เกิดจากพันธุกรรมหรือการเลี้ยงดูที่ผิดวิธี จนส่งผลต่อบุคลิกภาพและสมองซ่อนอยู่ จึงต้องคอยหมั่นสังเกต และแก้ไขก่อนจะสายเกินไป เรื่อง อัญญานุช บํารุง โรคย� ้ ำคิดย� ้ ำท�ำในเด็ก 38 • วิทยาจารย์ มุมสุขภาพเ คยสังเกตลูกๆ ของคุณหรือไม่ว่า มีพฤติกรรม ทําอะไรซํ้าๆ ผิดไปจากปกติ เช่น ปิดนํ้าหรือ ปิดไฟแล้วหรือยัง แล้วเดินวนไปเช็คดูที่ปุ่ม เปิด - ปิดไฟหลายครั้ง ทั้งๆ ที่อาจจะปิดไป เรียบร้อยแล้ว แม้ว่าโรคนี้จะไม่ได้รุนแรงอันตราย ถึงชีวิต แต่จะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจําวัน ในการเรียนรู้ การเข้าสังคม และสร้างพฤติกรรม อันไม่พึงประสงค์ คุณพ่อ คุณแม่ และผู้ปกครอง ควรทําความรู้จักกับโรคนี้ว่าเป็นอย่างไร เพื่อที่จะ ได้สังเกตและเฝ้าระวังเมื่อลูกๆ แสดงอาการขึ้นมา โรคยํ ้ าคิดยํ ้ าทําเกิดจากอะไร สาเหตุของโรคนี้แบ่งออกเป็น 3 ข้อ 1. เกิดจากมีการทํางานของสมองในส่วน Orbitofrontal, Cingulate Cortex, Caudate และ Thalamus หรือเกิดจากความผิดปกติของ สารเซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาท ที่ควบคุมภาวะอารมณ์ความรู้สึก มีการทํางาน มากกว่าปกติ 2. พันธุกรรมจากครอบครัว 3. สภาพแวดล้อมรอบตัวหรือประสบการณ์ บางอย่างที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจอย่างหนัก อาการที่พบบ่อย 1. ยํ้าคิด เป็นอาการที่ไม่ได้แสดงออกมาให้ คนภายนอกเห็น แต่ตัวผู้ป่วยจะคิดอยู่ในความคิด ของตัวเองซํ้าๆ ซึ่งอาจทําให้เกิดความกังวลใจ ไม่สบายใจ และคิดว่าจะมีสิ่งไม่ดีเก ิ ดขึ้น จนเก ิ ดเป็น การยํ้าทําต่อไป ตัวอย่างอาการยํ้าคิด • กังวลว่าทํางานชิ้นหนึ่งเสร็จแล้วหรือยัง • กลัวความสกปรก • กังวลเมื่อเห็นความไม่เป็นระเบียบ • คํานึงถึงความปลอดภัยในชีวิต 2. ยํ้าทํา เมื่อคิดอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่เกิดขึ้น ต่อมาคือ การยํ้าทํา เพื่อให้แน่ใจว่าฉันได้ทําไปแล้ว หรือยัง ตัวอย่างอาการยํ้าทํา • คอยเช็คงานตลอดเวลาว่าทําเสร็จแล้วหรือยัง • ล้างมือหรืออาบนํ้าบ่อยๆ เพราะกลัวสกปรก • จัดระเบียบของทั้งวัน • เดินไปปิดเตาแก๊ส ปิดไฟ ล๊อคประตูบ้าน บ่อยครั้ง วิทยาจารย์ • 39เมื่อคุณพ่อคุณแม่สังเกตว่าลูกมีพฤติกรรม ทําอะไรซํ้าๆ จนส่งผลต่อชีวิตประจําวัน เช่น ลูกนอนหลับยากขึ้น ไม่มีสมาธิ ส่งผลต่อการเรียน ทําให้มีสมาธิสั้นลง ควรรีบพาไปโรงพยาบาล พบจิตแพทย์เพื่อบําบัดให้อาการดีขึ้น วิธีการรักษา ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาใดที่ทําให้โรคนี้ หายขาดไปได้ คนที่เป็นโรคนี้จะมีอาการเป็นๆ หายๆ แต่จะดีที่สุดถ้าหากให้เด็กๆ อยู่ในสภาวะแวดล้อม ที่ไม่ก่อให้เกิดการกระตุ้นให้อาการเกิดขึ้นมา โดยแพทย์มีวิธีการรักษาให้กับผู้ป่วยอยู่ 3 ข้อ 1. การทําจิตบําบัดแบบ Cognitive Behavioral Therapy (CBT) เป็นวิธี การบําบัดแบบให้ผู้ป่วยเปลี่ยนวิธีคิด ความเชื่อ และพฤติกรรมที่ทําให้เกิด โรคยํ้าคิดยํ้าทํา โดยจะไม่ได้รักษาให้หาย ได้ทันที ทั้งนี้ ต้องอาศัยความร่วมมือ จากครอบครัวและแพทย์เข้าด้วยกันเป็น ระยะเวลาหนึ่งเพื่อให้เก ิ ดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด 2. การรับประทานยาควบคู่ไปกับการทํา จิตบําบัดตามข้อข้างบนอย่างต่อเนื่อง จะทําให้การรักษาได้ผลดี 3. การรักษาด้วย Repetitive Transcranial Magnetic Stimulation (RTMS) หรือ การกระตุ้นสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า แบบซํ้าๆ สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่สามารถทําให้อาการ ของลูกดีขึ้นได้ 1. หลีกเลี่ยงการซํ้าเติมลูกว่าพฤติกรรมที่ ลูกทํานั้นเป็นเรื่องน่าอาย แต่ควรใจเย็น ค่อยๆปรับพฤติกรรมของลูก ปลอบโยนให้ ลดความกังวลซึ่งอาจชวนคุยหรือหากิจกรรม ทําแทนที่จะจดจ่อกับพฤติกรรมเดิมๆ 2. คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรแสดงอาการวิตกกังวล มากจนเกินไปให้ลูกเห็นเป็นตัวอย่าง เช่น การที่ลูกมีพฤติกรรมเดินไปปิดไฟบ่อย เพราะเห็นคุณพ่อคุณแม่ชอบเดินไปเช็ค จึงลอกเลียนแบบ 3. ไม่พูดขู่ให้ลูกกลัว หากต้องการปรับเปลี่ยน พฤติกรรมของลูก แม้ว่าโรคนี้จะไม่มีทางรักษาหายขาดได้ 100% สิ่งที่สําคัญไม่น้อยไปกว่าการพบแพทย์ก็คือ การดูแลเอาใจใส่ของครอบครัว ที่จะช่วยให้ลูกๆ มีภูมิต้านทานจิตใจที่แข็งแรง หมั่นคอยสังเกต และให้ความรัก ให้เวลากับลูกๆ คอยสังเกตว่า อะไรทําให้ลูกของเรามีความสุข และอะไรที่ทําให้ ลูกของเราเป็นกังวล เพื่อที่จะได้หลีกเลี่ยงและ หาวิธีรับมือกับปัญหาเพื่อควบคุมอาการเหล่านั้น ได้อย่างทันท่วงที เมื่อคุณพ่อคุณแม่สังเกตว่าลูกมี พฤติกรรมทําอะไรซํ ้ าๆ จนส่งผล ต่อชีวิตประจําวัน เช่น ลูกนอนหลับ ยากขึ ้ น ไม่มีสมาธิซึ ่ งส่งผล ต่อการเรียน ทําให้มีสมาธิสั้นลง ควรรีบพาไปพบจิตแพทย์ 40 • วิทยาจารย์แบบทดสอบเพื่อประเมินตัวเอง แบบทดสอบของอาการยํ้าคิดยํ้าทําจาก คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี www.rama.mahidol.ac.th/ramamental/ questionnair/08052015-1854 สามารถทําออนไลน์ได้เพื่อตรวจสอบอาการ เบื้องต้น อ้างอิง • Mood of the motherhood. (15 กรกฎาคม 2564). ปกป้องลูกจากโรคยํ้าคิดยํ้าทํา (OCD) คุณพ่อคุณแม่ก็ทําได้! จาก today.line.me: https://today.line.me/th/v2/ article/gDrR2z • Raksa Content Team. (12 ตุลาคม 2563). โรคยํ้าคิดยํ้าทํา (Obsessive Compulsive Disorder, OCD). จาก doctorraksa: https:// www.doctorraksa.com/th-TH/blog/obsessive- compulsive-disorder.html • โรงพยาบาลเปาโลพหลโยธิน. (20 กรกฎาคม 2564). โรคยํ้าคิด ยํ้าทํา” มีความคิดซํ้าๆ ยิ่งคิดยิ่งกังวลวลใจ คุณเข้าข่ายหรือไม่. จาก Paolohospital: https://www. paolohospital.com/th-TH/phahol/Article/Details /%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A 7%E0%B8%B2%E0%B8%A1-%E0%B8%AA%E0%B8% B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8% 9E%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95/-%E0%B9 %82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%A2%E0%B9 %89%E0%B8%B3%E0% วิทยาจารย์ • 41เรื่อง วีระพงศ์ บัวทองคําวิเศษ เลขอารบิกบนนาฬิกาโชว์เลข 15:00 ของวันศุกร์แห่งชาติ หมายความว่า ใกล้ได้เวลาที่เราจะหลีกหนีความวุ่นวายตามแผนที่ได้วางเอาไว้ เพื่อไปรับ อากาศอันแสนบริสุทธิ ์ ที่ “วังนํ ้ าเขียว” แหล่งโอโซนอันดับที่ 7 ของโลก หลีกหนีความวุ่นวาย แล้วไปตามหาดอกไม้ 7 สี ที่วังนํ ้ าเขียว ทัศนศึกษา 42 • วิทยาจารย์วิทยาจารย์ • 43 เ มื่อกล่าวถึง “วังนํ้าเขียว” หลายคนคงรู้จักกัน เป็นอย่างดีว่าเป็นสวิตเซอร์แลนด์แดนอีสาน แหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของจังหวัดนครราชสีมา แต่มีใครรู้หรือไม่ว่า จริงแล้วคําว่าวังนํ้าเขียว ไม่ได้หมายความถึงพระราชวังแต่อย่างใด แต่คําว่า "วัง" ในที่นี้หมายถึง วังนํ้าวนที่ธรรมชาติได้รังสรรค์ ขึ้นมา และสะท้อนสีเขียวของต้นไม้ทําให้วังนํ้าวน เปลี่ยนเป็นสีเขียวขจีทั้งวัน เขียวจนที่ต้องเรียกว่า “วังนํ้าเขียว” นั่นเอง จากที่วางแผนไว้ว่า จะมาถึงลานกางเต็นท์ ประมาณหนึ่งทุ่ม ใจหวังอาศัยแสงจากดวงอาทิตย์ ที่กําลังลับฟ้าช่วยส่องสว่างเวลากางเต็นท์ ก็เป็นอันผิดคาดไปโดยปริยาย ตอนเย็นวันศุกร์ แห่งชาติ แม้จะหยุดแค่ 2 วัน แต่ถนนมิตรภาพ ก็ยังคงหนาแน่นไปด้วยรถรา ทําเอากว่าจะเดินทาง มาถึงก็ปาเข้าไปสองทุ่มหน่อยๆ แล้ว งานนี้เรา จึงต้องแอบย่องเข้าไปแบบเงียบๆ ด้วยเกรงว่าจะไป รบกวนผู้เข้าพักคนอื่น ลานกางเต็นท์ในคืนวันศุกร์ ถือว่าโล่งพอสมควร เพราะคนส่วนใหญ่จะเดินทาง มาในวันเสาร์ แถมผู้เข้าพักคนอื่นต่างก็ประสบ ปัญหาเช่นเดียวกับเรา คือ ก่อนหน้านี้ก็เป็น เพื่อนร่วมทางบนถนนมิตรภาพที่เหนียวแน่นหนึบ มาด้วยกันก่อน เวลานี้เลยต่างเพิ่งเดินทางมาถึงกัน เราเลยโชคดีไปโดยอัตโนมัติ สามารถลงมือ ตอกสมอได้อย่างเต็มแรงแบบไม่ต้องเกรงใจใคร เพราะทุกคนต่างก็ตอกสมอแบบประสานเสียง เหมือนกัน ไม่นานเต็นท์ของเราก็พร้อมสําหรับ การเข้านอนแล้ว มื้อเย็นวันนี้เราย่างสเต๊กเนื้อ “สันกําแพง” ของที่นี่ ไม่ได้ หมายถึงชื่ออําเภอในจังหวัด เชียงใหม่แต่คือชื่อของอ่างเก็บนํ ้ า ที่มีลานกางเต็นท์ให้บริการฟรี แบบ Medium Rare เสิร์ฟพร้อมกระเทียม แกล้มด้วยเครื่องดื่มเย็นสดชื่นเป็นอันเสร็จ ก่อนที่จะ พักผ่อนตามอัธยาศัย เตรียมตัวออกท่องเที่ยว วังนํ้าเขียวในวันพรุ่งนี้ เช้าวันใหม่ เราโผล่หน้าออกมาข้างนอกเต็นท์ เพื่อเผชิญกับลมหนาวของช่วงต้นปี ทันใดนั้น ถึงกับต้องตกใจกับฉากภาพที่ตั้งอยู่เบื้องหน้า ภาพหมอกจางๆ ที่ลอยละล่องอยู่เหนืออ่างเก็บนํ้า สันกําแพง มันช่างสะกดจิตให้เราอยากอยู่ตรงนี้ ไปนานๆ แต่ลมหนาวมันช่างหนาวเสียจนทําให้ เรายอมแพ้ต่อความงามเบื้องหน้า กลับไปมุดตัว ในเต็นท์ รูดซิปปิดเต็นท์ต่อ คําว่า “สันกําแพง” ของที่นี่ ไม่ได้หมายถึงชื่ออําเภอในจังหวัดเชียงใหม่ แต่คือชื่อของอ่างเก็บนํ้าที่มีลานกางเต็นท์ ให้บริการฟรี โดยผู้มาเยือนสามารถบริจาคได้ตาม จิตศรัทธา เพียงแค่หย่อนเงินลงในกล่องรับบริจาค ที่เจ้าของพื้นที่ได้เอามาวางไว้ สําหรับเจ้าของพื้นที่ ก็ไม่ได้เป็นใครอื่นใด “หมวดทางหลวงชนบท วังนํ้าเขียว” นั่นเอง อีกอย่างลานกางเต็นท์ที่นี่ ไม่มีไฟฟ้าให้ใช้ ไม่มีเต็นท์ให้เช่า และไม่รับจอง ล่วงหน้า มีก็แต่วิวภูเขา วิวอ่างเก็บนํ้า อากาศเย็นๆ 44 • วิทยาจารย์ อังกฤษ ที่หาชมได้ยากมาก แถมยังมีเยอะมากกว่า 200 สายพันธุ์ ขอยํ้าอีกครั้งว่ามีครบจบที่นี่จริงๆ จะเอาสีอะไรล่ะมีให้หมดตั้งแต่เหลือง ส้ม แดง ยันชมพู เราดื่มดํ่าความงาม (และเก็บภาพ) จนหนําใจ ก็ได้เวลาเดินทางไปที่ลานกางเต็นท์ ก่อนที่แสงตะวันจะลับฟ้า จุดกางเต็นท์ในคืนสุดท้ายของเรา ก็คือ แลนมาร์กของวังนํ้าเขียว “ผาเก็บตะวัน” ตั้งอยู่ ในอุทยานแห่งชาติทับลาน ซึ่งแน่นอนว่ามาถึง ที่นี่ทั้งที ถ้าหากพลาดกิจกรรมเก็บตะวันก็เป็นเรื่อง ที่จะให้อภัยตัวเองไม่ได้อย่างแน่นอน เรารีบ ถ่ายภาพให้หนําใจ ก่อนจะระลึกได้ว่าท้องฟ้า หลังดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีชมพูตามมาด้วยสีม่วง สิ่งที่เราระลึก ได้นั้น นอกจากความสวยที่สะกดจิตเราจนแทบจะ ยกกล้องมากดชัตเตอร์แทบไม่ทันแล้ว ยังระลึก “ผาเก็บตะวัน” ตั้งอยู่ในอุทยาน แห่งชาติทับลาน ซึ ่ งแน่นอน ว่ามาถึงที่นี่ทั้งที ถ้าหากพลาด กิจกรรมเก็บตะวันก็เป็นเรื่อง ที่จะให้อภัยตัวเองไม่ได้ อย่างแน่นอน ตอนกลางคืน และอากาศที่หนาวไปจนถึงตอนเช้า ถึงเวลาถอนสมอ พับเต็นท์หลังโต โยนเข้าท้ายรถ ออกเดินทางท่องเที่ยวให้ทั่วอําเภอวังนํ้าเขียว กันไปเลย หมุดหมายแรกของวันนี้ “ทุ่งลาเวนเดอร์” ใช่แล้วล่ะครับ วันนี้เราจะเดินทางท่องเที่ยว บนเส้นทางดอกไม้ โดยมีเป้าหมายหลักก็คือ เก็บรูปดอกไม้มาทําอาร์ตเวิร์กสวัสดีตอนเช้า ให้ครบทุกวันตั้งแต่วันอาทิตย์ยันวันเสาร์ เริ่มที่ ทุ่งลาเวนเดอร์ที่ว่ากันว่า เป็นทุ่งลาเวนเดอร์ แห่งเดียวในเมืองไทย ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 30 ไร่ ด้านในสวน Chateau Chili เราถ่ายภาพสีม่วง ของดอกไม้สีม่วงสายพันธุ์ Spanish Eyes จากสเปน สําหรับใช้ในวันเสาร์ และดอกคอสมอส สีชมพูสดใสที่ขึ้นแซมอยู่ เพื่อใช้ในวันอังคาร แล้วบึ่งรถออกเดินทางต่อแบบไม่รีรอมุ่งหน้า ตามหาอีกห้าสีที่เหลือ ดอกทานตะวันที่วิชารักษ์ฟาร์ม คือ เป้าหมาย ต่อไป พอเดินทางถึง ที่นี่กลับทําให้เราอึ้งในสองเรื่อง เรื่องแรก คือ ดอกไม้สีเหลืองกําลังบานสะพรั่งชูช่อ อยู่อย่างเนืองแน่นท้าลมหนาว ฉาบแผ่นดินตรงนั้น ให้เหลืองทั้งแผ่นดิน จนอยากจะถ่ายรูปอย่างน้อย สัก 30 ภาพ เพื่อใช้สวัสดีวันจันทร์แบบไม่ซํ้าภาพ กันไปเลยหนึ่งเดือน อึ้งที่สองคือ ที่นี่ก็มีดอกคอสมอส สําหรับวันอังคาร ยังมีเรื่องอึ้งอีกเรื่องก็คือวิวของ สวนที่นี่ครับ ที่ฉากหลังงามอลังการไปด้วยวิวภูเขา และวิวต้นสน ถ่ายไปถ่ายมาก็พลันนึกขึ้นได้ว่า ภาพต้นสนสีเขียวก็เอาไปใช้สวัสดีวันพุธได้ด้วย เป็นอันปิดจ็อบจันทร์ อังคาร พุธ และเสาร์ คงเหลือ อีกเพียง 3 สีเท่านั้น สําหรับวันอาทิตย์สีแดงก็คงหนีไม่พ้นสีแดง แรงฤทธิ์ดอกกุหลาบ ซึ่งก็มีให้ครบจบที่ฟ้าประทาน โรส พาร์ค คราครํ่าไปด้วยดอกกุหลาบสายพันธุ์ วิทยาจารย์ • 45 ได้ว่าภาพท้องฟ้าสีชมพูกับสีม่วงก็เอามาใช้สวัสดี วันอังคารและวันเสาร์ได้ ทันใดนั้นเราก็ระลึก ได้อีกเรื่องว่าเรายังไม่มีรูปสีฟ้าเลย คํ่าคืนที่ผ่านมาแม้เรื่องราวจะเบลอแต่ภาพ ของเธอยังคงชัดเจน ภาพของเธอหมายถึงภาพสีฟ้า สําหรับใช้สวัสดีวันศุกร์ที่ยังหาไม่ได้ไง เรานั่ง บดกาแฟในมือ บรรจงรินนํ้าร้อนผ่านกระดาษ ฟิลเตอร์ และค่อยๆ เพลิดเพลินกับคาแร็กเตอร์ ของกาแฟไปได้ซักพัก ตาเราก็เหลือบไปเห็นท้องฟ้า ที่สดใสแบบที่เรียกว่าแทบจะไร้ก้อนเมฆ นั่นไง สีฟ้าที่เราตามหา เราไม่จําเป็นต้องไปยึดติด ว่าเราจะไม่สามารถถ่ายรูปท้องฟ้าที่สีเป็นสีฟ้า สมกับชื่อของมันเพื่อใช้สวัสดีวันศุกร์ได้ คิดได้ดังนั้น ก็รีบถ่ายภาพอย่างเมามัน ก่อนถอนสมออีกครั้ง พับเต็นท์หลังโต โยนเข้ารถคันเล็ก และเดินทางกลับ สู่เมืองฟ้าอมร เราจะเดินทางท่องเที่ยวบนเส้นทาง ดอกไม้ โดยมีเป้าหมายหลักก็คือ เก็บรูปดอกไม้มาทําอาร์ตเวิร์ก สวัสดีตอนเช้าให้ครบทุกวัน ตั้งแต่วันอาทิตย์ยันวันเสาร์เด็กนักเรียนมักเผชิญความกดดันหลายเรื่อง บางครั้งคนใกล้ชิดอาจจะไม่ทราบ การที่จะทําให้เด็กได้แสดงออกอย่างเปิดเผยต่อสิ ่ งที่เขารู้สึก โดยมีความเข้าใจ และความเห็นอกเห็นใจจึงเป็นสิ ่ งที่สําคัญ เรื่อง ปรารถนา สําราญสุข ศาสตร์แห่งการเข้าใจ และเห็นอกเห็นใจผู้อื่น 46 • วิทยาจารย์ Eyes Openค วามสําคัญของการมี Empathy เป็นทักษะอย่างหนึ่งต่อการอยู่ร่วมกัน กับผู้อื่น เพราะเป็นความสามารถที่ บุคคลจะเข้าอกเข้าใจผู้อื่น โดยคํานึงถึง ความคิด อารมณ์ ความรู้สึก หรือสถานการณ์ ของอีกฝ่ายและไม่นําประสบการณ์ของตนเอง มาตัดสิน ดังนั้น จึงสําคัญต่อการนํามาประยุกต์ใช้ เพื่ออยู่ร่วมกับผู้คนรอบข้างไม่ว่าเราจะอยู่ในหน้าที่ หรือบทบาทใด แม้ Empathy จะเป็นคําที่มี ความหมายซับซ้อนและมีคํานิยามที่หลากหลาย UC Berkeley ได้ให้คํานิยามไว้ว่า “ความสามารถ ในการเข้าอกเข้าใจอารมณ์ของผู้อื่นซึ่งมาพร้อมกัน กับความสามารถในการรับรู้ถึงความรู้สึกนึกคิด และความรู้สึกของผู้อื่น” ผู้ที่มีทักษะนี้ก็จะสามารถ ทําให้สถานการณ์ที่คุกรุ่นหรือขัดแย้งบรรเทา เบาบางลงไปได้ Empathy เริ ่ มต้นได้ในห้องเรียน แม้ Empathy นั้น เป็นทักษะที่บุคคลสั่งสม มาจากประสบการณ์ชีวิต การเลี้ยงดูของครอบครัว หรือจากสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัว ที่เขาได้เติบโตมา แต่ก็เป็นสิ่งที่สามารถฝึกฝนได้จากการใช้ชีวิตกับ ผู้อื่นตั้งแต่ในช่วงปฐมวัย หรือการเรียนรู้ในโรงเรียน ดังนั้น คุณครูจึงถือเป็นบุคคลสําคัญอีกคนหนึ่ง ที่จะเป็นต้นแบบให้กับเด็กๆ ได้เรียนรู้ถึง การมีทักษะนี้ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า Empathy เป็นทักษะ ที่อาจไม่ได้มาจากการสอนหรือการอธิบาย ตามหลักการ แต่สามารถฝึกฝนได้จากการใช้ Empathy ของคุณครูต่อนักเรียนนั่นเอง จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าหากครูใช้ทักษะนี้ได้อย่างเหมาะสม ก็จะสามารถสร้างให้ชั้นเรียนเป็นสถานที่ที่สามารถ หล่อหลอมให้เด็กมีความเห็นอกเห็นใจต่อผู้อื่น ได้เช่นกัน เริ ่ มจากคุณครู ส่งต่อถึงนักเรียน จุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดของการสร้าง Empathy ให้เกิดขึ้นในชั้นเรียนนั้น ไม่ได้เกิดจากการสอน ตามตํารา แต่ทักษะดังกล่าวจะสามารถสร้างขึ้นให้เด็ก ได้จากการใช้ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นของคุณครู ต่อนักเรียนในชั้นเรียน ซึ่งการกระทําของครู ต่อนักเรียนอย่างเข้าใจและมีความเข้าใจ นักเรียนจะสามารถซึมซับสิ่งเหล่านี้ จะทําให้ นักเรียนเห็นถึงตัวอย่างของการใส่ใจคนรอบข้าง การได้รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น นอกจากนี้ เมื่อพวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่กําลังต้องการ ความช่วยเหลือ และได้รับการเอาใจใส่อย่างเหมาะสม จากคุณครู พวกเขาก็จะสามารถที่ีจะเรียนรู้ และเกิดการตอบสนองอย่างคํานึงถึงจิตใจ ของผู้อื่นเช่นกัน ดังนั้น คนกลุ่มแรกๆ ที่เด็กได้เจอ ในชีวิตประจําวันทั้งคุณครูและเพื่อนร่วมชั้น จะช่วยกันหล่อหลอมให้เขาเก ิ ดทักษะ Empathy และทักษะดังกล่าวก็จะติดตัวเขาไปเมื่อเข้าอยู่ ในสังคมทั่วไปที่กว้างขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ Empathy ยังมีประโยชน์อีกหลายด้าน ในการส่งเสริมประสิทธิภาพการเรียนรู้ของเด็กๆ ช่วยสร้างวัฒนธรรมที่ดีให้เก ิ ดขึ้นในชั้นเรียน กล่าวคือ การที่คุณครูและเพื่อนร่วมชั้นเรียน มีความเห็นอกเห็นใจต่อเด็ก จะเสริมสร้างให้พวกเขา มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความสัมพันธ์ระหว่างคุณครูและเด็กก็จะดีขึ้น เด็กจะพบว่าการมาเรียนในห้องเรียนเป็นสิ่งที่สนุก เป็นสถานที่ปลอดภัย เป็น Safe Zone ที่เหมาะสม กับการเรียนรู้ของเขา เมื่อเขาไม่เข้าใจบทเรียน คุณครูและเพื่อนร่วมชั้นจะไม่ตัดสิน แต่จะช่วยเหลือ ให้เขาสามารถเรียนรู้ได้ทันกับเพื่อนร่วมชั้น คนอื่นๆ ได้ วิทยาจารย์ • 47Next >