< Previousคุณครูจะใช้ Empathy ในชั้นเรียนอย่างไร นอกจากทักษะส่วนบุคคลของคุณครูที่ใช้ ในการสังเกตสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องเรียนแล้ว ยังมีวิธีในการสร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วย ความเห็นอกเห็นใจในชั้นเรียนอย่างง่ายๆ สําหรับ คุณครู 7 วิธี • สนองตอบ ก่อนที่จะได้รับการร้องขอ คุณครูอาจเริ่มจากการตั้งคําถามง่ายๆ ว่า วันนี้ในชั้นเรียนของฉันต้องการอะไร หรือนักเรียนต้องการอะไร เพื่อเป็นการสังเกต เบื้องต้นว่าบรรยากาศในการเรียนเป็นไป อย่างไร เด็กต้องการเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมหรือไม่ จากนั้นจึงหาวิธีการที่เหมาะสมสําหรับ ช่วยเหลือนักเรียนต่อไป • ถามด้วยคําถามปลายเปิด ในบางครั้ง คุณครูอาจไม่สามารถคาดเดาได้ว่านักเรียน รู้สึกอย่างไร คุณครูอาจตั้งคําถามด้วยคําถาม ปลายเปิด เช่น วันนี้มีอะไรยากไปไหม? วันนี้เป็นวันที่เหนื่อยมากใช่ไหม? เป็นต้น • ตอบสนองอย่างจริงใจ การตอบสนอง อย่างเห็นอกเห็นใจ ไม่ใช่การเอาอกเอาใจ คุณครูไม่จําเป็นจะต้องหลีกเลี่ยงความรู้สึก ของตนเองแล้วตอบสนองต่อเด็กนักเรียน อย่างเอาอกเอาใจ แต่คุณครูควรซื่อสัตย์ กับความรู้สึกของตนเองและตอบสนอง ต่อเด็กอย่างมีเหตุผล การพยายามที่จะรับฟัง เด็กๆ อย่างตั้งใจจะเป็นผลดีเสมอ • หลีกเลี่ยงการตําหนิโดยใช้คําว่าคุณครู การตําหนินักเรียนที่ทําผิดในชั้นเรียนอาจ พื้นฐานการมี Empathy คือ การเข้าใจ ความหลากหลายของผู้คนในสังคม เช่น ในห้องเรียนเด็กๆ จะพบว่าเพื่อนๆ ในชั้นเรียนมีความแตกต่างหลากหลาย ทั้งลักษณะนิสัย ความคิด การพูดคุย 48 • วิทยาจารย์ทําให้เก ิ ดผลเสียมากกว่าผลดี ดังนั้น คุณครู ควรหลีกเลี่ยงการตําหนิไปตรงๆ ที่ตัวบุคคล แต่ควรที่จะเตือนให้นักเรียนทราบด้วยคําพูด ที่ทําให้เด็กรู้สึกว่าคุณครูได้พูดถึงสถานการณ์ มากกว่าการตําหนิที่ตัวบุคคล จะทําให้เด็ก ประเมินความรู้สึกของครูและตัดสินใจ ตอบสนองความรู้สึกตามสิ่งที่เขาได้เรียนรู้มา • ตั้งใจฟังนักเรียนอย่างจริงจัง Empathy นั้น เริ่มจากการมีทักษะการฟังที่ดี ซึ่งหมายถึง การตั้งใจฟังสิ่งที่นักเรียนอยากสื่อ รวมถึง การสํารวจอารมณ์และนํ้าเสียง การฟัง อย่างตั้งใจจะช่วยให้คุณครูมีข้อมูลที่เพียงพอ เพื่อตอบสนองต่อนักเรียนได้ • อย่ากระโดดเข้าไปช่วยแก้ปัญหาในทันที ด้วยความเป็นครูเมื่อเกิดปัญหาในชั้นเรียน คุณครูมักจะกระโดดเข้าไปแก้ไขปัญหา ในทันที แต่การชะลอดูให้สถานการณ์ คลี่คลายไปด้วยตัวของมันเองก็เป็นอีกวิธี ซึ่งหลังจากเหตุการณ์คลี่คลายลง คุณครู อาจจะให้ข้อคิดหรือคําแนะนําที่เหมาะสม แก่นักเรียนได้ • เคารพความรู้สึกของนักเรียน บางครั้งคุณครู อาจจะไม่เห็นด้วยถึงวิธีการคิดของนักเรียน ในการแสดงออก แต่สิ่งสําคัญคือการยอมรับ ว่าความรู้สึกของนักเรียนนั้นเป็นสิ่งที่เป็น “เรื่องจริง” สําหรับเขา ยืนยันกับนักเรียนว่า มีสิทธิ์ที่จะรู้สึก "ความรู้สึกที่เก ิ ดขึ้นไม่มีถูก หรือผิด” เพื่อแสดงความเคารพต่อความรู้สึก ของนักเรียน แม้ว่า Empathy หมายถึง ความสามารถ ในการรับรู้ความรู้สึกของนักเรียน แต่คุณครู ต้องยอมรับว่า ความรู้สึกไม่ใช่สิ่งที่ "เข้าใจได้" ไปทุกเรื่อง ซึ่งคุณครูอาจจะรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมที่จะ ต้องพยายามเข้าใจความรู้สึกและความต้องการ ของเด็กนักเรียนในห้องเรียนทุกคน ซึ่งเป็นเรื่องที่ แทบจะเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าหากคุณครูยอมรับว่า "ฉันไม่ได้เข้าใจเด็กคนนี้อย่างถ่องแท้ แต่ฉันยินดี จะอยู่ในเวลาที่เขาต้องการ" เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว สําหรับนักเรียนคนหนึ่งที่จะได้รับจากคุณครูของเขา และไม่ได้หมายความว่าผู้ใหญ่จะต้องเข้าใจเด็กๆ ตลอดเวลาเพราะเราเป็น "ผู้ใหญ่กว่า" แต่มันคือ การเข้าอกเข้าใจผู้อื่นในฐานะของความเป็นมนุษย์ ที่ต่างที่มา และมีอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดที่ เปลี่ยนแปลงไปมาได้อย่างรวดเร็ว หากสามารถ ยอมรับความจริงในข้อนี้ ชั้นเรียนก็จะเป็นสังคม ที่มีความปลอดภัยและมีบรรยากาศที่เหมาะสม กับการเรียนรู้ได้ อ้างอิง • 7 ways to respond to students with empathy • https://www.understood.org/en/articles/7- ways-to-respond-to-students-with-empathy • Resources for Promoting Empathy in the Classroom • This Year, Focus on Empathy in the Classroom By Amanda Schaffer, Online Professional Learning Product Manager, McGraw Hill School • https://medium.com/inspired-ideas-prek-12/ this-year-focus-on-empathy-in-the-classroom- 36723352a4d7 • Empathy in the Classroom: Why Should I Care? The benefits of empathy in education include building positive classroom culture, strengthening community, and preparing students to be leaders in their own communities. • https://www.edutopia.org/blog/empathy- classroom-why-should-i-care-lauren-owen • Teaching with empathy: Why it’s important By Amanda Morin • https://www.understood.org/en/articles/ teaching-with-empathy-why-its-important วิทยาจารย์ • 4950 • วิทยาจารย์ วิชาการ บันเทิง ติดตามครูชิน ได้จากช่องทาง tiktok.com/ @kru_chinnawutวิทยาจารย์ • 51 เรื่อง พิชญพงศ์ เนียมประพันธ์ ในโลกอินเทอร์เน็ตมีความรู้ทางการศึกษามากมาย โดยเฉพาะการเรียนออนไลน์ ที่เด็กๆ จะได้พบกับ “ครูชิน” ชินวุฒิ รัชตะนาวิน ผู้ที่สร้างสรรค์การสอนภาษา และวรรณคดีไทยให้สนุกสนานและได้ความรู้ไปพร้อมๆ กัน D igital Disruption หรือ การเปลี่ยนแปลงอันเนื่องมาจาก เทคโนโลยีดิจิทัล หรือนวัตกรรมใหม่ๆ ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของสังคม ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 อยู่แล้ว และเมื่อโลกต้องประสบกับโรคระบาด ยิ่งเป็น แรงขับเคลื่อนทําให้ทุกคนต้องปรับตัวนําเทคโนโลยี ดิจิทัลเข้ามาเป็นเครื่องมือสําคัญในการดําเนินชีวิต มากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ รวมถึง “การเรียน การสอน” ที่หลายคนอาจคุ้นเคยดีในนามของ “เรียนออนไลน์” และ “สอนออนไลน์” การเรียนการสอนผ่านช่องทางออนไลน์นั้น นัยหนึ่งถือเป็นเครื่องมือในการลดการติดต่อของ โรคระบาด ลดอุปสรรคด้านการเดินทาง แต่อีกนัย กลับแฝงไปด้วยปัญหาไม่น้อย ทั้งการปฏิสัมพันธ์ ของผู้สอนและผู้เรียนที่ลดลง ผู้สอนไม่ได้รับ การตอบรับจากผู้เรียน หรือผู้เรียนก็ถูกรบกวน จากสิ่งเร้ารอบตัวได้ง่ายขึ้น รวมทั้งการเข้าไม่ถึง เครื่องมือสื่อสารหรือความเหลื่อมลํ้าจากการศึกษา ที่เพิ่มขึ้น หรือแม้กระทั่งภาระงานและความอึดอัด จากความไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นของทั้ง ผู้เรียน ผู้สอน รวมถึงผู้ปกครอง คุณครูผู้สอน หลายคนจึงต้องเร่งปรับตัวเอง ก้าวให้ทันเทคโนโลยี เพื่อดําเนินกิจกรรมการเรียนการสอนแก่นักเรียน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ “ครูชิน” ชินวุฒิ รัชตะนาวิน คือหนึ่งในครูอีกคนที่ได้เปิดใจเรียนรู้เทคโนโลยี ใหม่ๆ เพื่อเป้าหมายในการเข้าถึงนักเรียนมากขึ้น สร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่เป็นกันเอง ลดภาวะ ตึงเครียด ผ่านเครื่องมือที่สนุกสนานและ เหมาะกับวัยของนักเรียน ด้วยแอปพลิเคชันแห่งยุค อย่าง TikTok TikTok คือแอปพลิเคชันวิดีโอสั้นที่ให้ผู้ใช้ สามารถสร้างเนื้อหาต่างๆ ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะ เพื่อความบันเทิง อย่างการแสดงละคร การเต้น การร้อง การแสดงตลก หรือเพื่อกระจายข่าวสาร เช่น นักข่าวและสํานักข่าวใช้เป็นช่องทางในการ เผยแพร่ข่าวสาร รวมทั้งเพื่อให้ความรู้ตามความ ชํานาญของผู้ใช้ ดังเช่น บุคลากรทางการแพทย์ ให้ความรู้ด้านสุขภาพ หรือคุณครูให้ความรู้ ในเนื้อหาที่สอน ครูชินได้ทําวิดีโอสั้นเพื่อสอนเนื้อหาวิชา ภาษาไทยจากการแปลงเพลงที่คุ้นหู หรือการแร็ป เล่าเรื่องราววรรณคดีไทยใน TikTok พร้อมด้วย ลีลาที่สนุกสนาน และเป็นตัวของตัวเอง จนมียอด ผู้ติดตามประมาณ 2 แสนคน ยอดกดถูกใจเกือบ 3 ล้านครั้ง และยอดการเข้าชมคลิปทั้งหมด กว่า 300 ล้านครั้ง เรียกว่าเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ และน่าสนใจเลยทีเดียว วันนี้ครูชินมาบอกถึงทีเด็ด เคล็ดไม่ลับของการใช้งาน TikTok เพื่อการเรียนรู้ ในคอลัมน์วิชาการบันเทิงนี้แล้ว แอปฯ สุดฮิต กับการเรียน ภาษาไทยยุคใหม่ TikTok52 • วิทยาจารย์ ปัจจุบันครูชินสอนในระดับชั้น ม.5 - ม.6 โรงเรียนบ้านบึง "อุตสาหกรรมนุเคราะห์" อําเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี เริ่มทําหน้าที่ครู ตั้งแต่ปี 2560 ครูชินเล่าให้วารสารวิทยาจารย์ฟังถึง ที่มาที่ไปว่า ในตอนแรกตนได้ทําวิดีโอการสอน ลง YouTube และ Facebook อยู่แล้ว เพื่อให้ เด็กนักเรียนย้อนกลับมาฟังหากไม่เข้าใจส่วนไหน จากนั้นเมื่อ TikTok เริ่มเข้ามา ก็เห็นเด็กๆ ตั้งกล้องโทรศัพท์ถ่ายเล่นกัน ตนจึงเริ่มเรียนรู้ การใช้งาน และพบว่าเป็นแพลตฟอร์มที่สนุกสนาน จึงคิดหาวิธีที่จะทําให้นักเรียนได้เข้าถึงเนื้อหา การเรียนในขณะที่เขาก็เพลิดเพลินในโลกออนไลน์ ไปด้วย ให้เป็นสื่อการเรียนการสอนเพิ่มเติม เรียกได้ว่าเจอกันทั้งในและนอกห้องเรียนไปเลย กอปรกับ นักร้องถือเป็นความฝันในวัยเด็กของตน เป็นก ิ จกรรมที่ชื่นชอบ ตนได้ร้องเพลงประกวด หลายครั้งในอดีต และมีทักษะการแต่งกลอน ตามแบบฉบับครูภาษาไทย จึงได้เอาทักษะทั้งสอง มาปรับใช้ในการแต่งเพลงแปลงเพื่อสอนเนื้อหา ภาษาไทย เกิดเป็นเพลงสนุกๆ ที่แฝงไปด้วย เนื้อหาสาระการเรียนรู้ และเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ในสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 เมื่อถามถึงขั้นตอนการทําวิดีโอ 1 คลิป ครูชินก็ใจดีแจกแจงเคล็ดไม่ลับมาให้อย่างชัดเจน ตั้งแต่ขั้นแรก ที่เริ่มหาประเด็นที่เด็กนักเรียนควรรู้ หรือที่เด็กจะสนใจโดยต้องคํานึงถึงความแตกต่าง จากการสอนทั่วไปเพื่อหาความโดดเด่นด้วย จากนั้นจะเริ่มค้นคว้าหาข้อมูลจากหลายๆ แหล่ง เพิ่มเติมเพื่อให้เนื้อหามีความน่าเชื่อถือ เมื่อนั้น จะเริ่มแต่งกลอนให้เข้ากับเพลงที่เลือก อัดเสียงร้อง และอัดภาพเคลื่อนไหวด้วยโทรศัพท์ส่วนตัว กับฉากกระดาษสีเขียวที่ทําขึ้นเอง ซึ่งฉากสีเขียวนี้ จะทําให้ง่ายต่อการตัดต่อใส่ภาพเบื้องหลัง นําวิดีโอ ทั้งหมดมาตัดต่อผ่านแอปพลิเคชัน KineMaster ก่อนจะอัปโหลดขึ้นบนแอปพลิเคชัน TikTok ทั้งหมดนี้ครูชินใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงจาก ความชํานาญและคุ้นเคยกับแอปพลิเคชันต่างๆ แล้ว ดังที่ได้เล่าไปแล้วถึงยอดผู้ติดตาม ยอดถูกใจ และยอดชมวิดีโอของครูชินที่เยอะมากนั้น วารสาร วิทยาจารย์จึงได้สอบถามถึงผลตอบรับและ การเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาการที่เกิดขึ้น โดยครูชิน แบ่งผลตอบรับออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนของ นักเรียน ผู้ปกครอง และเหล่าครูผู้สอนด้วยกัน ครูชินเล่าว่า นักเรียนของตนได้เพิ่มจํานวนขึ้นมาก ไม่เพียงแต่นักเรียนชั้น ม.5 - ม.6 ในโรงเรียน บ้านบึง “อุตสาหกรรมนุเคราะห์” แต่ขยายไปถึง ชั้นเรียนอื่นๆ รวมถึงโรงเรียนอื่นๆ ที่ได้เข้ามา แสดงความคิดเห็นขอบคุณที่ช่วยให้เข้าใจ ในเนื้อหาการเรียน หรือเข้ามาแนะนําถึงหัวข้อ ที่ผู้เรียนต้องการ สําหรับผู้ปกครองนั้นก็เข้ามา ชื่นชมเช่นกัน เนื่องจากวิดีโอการสอนทําให้ นักเรียนเข้าใจเนื้อหาง่ายขึ้น แบ่งเบาภาระของ ผู้ปกครองที่เคยต้องสอนเพิ่มเติมในสถานการณ์ เรียนออนไลน์ ซึ่งช่วยลดภาวะตึงเครียดแก่ทั้ง ผู้ปกครองและนักเรียน ในส่วนของครูผู้สอนอื่นๆ ก็ได้สอบถามถึงวิธีการทําวิดีโอมากขึ้น สําหรับพัฒนาการหรือการเปลี่ยนแปลงของ ตัวครูชินเอง TikTok ได้ทําให้ภาพลักษณ์ของตน ดูเป็นมิตรมากขึ้น นักเรียนกล้าสอบถามและ ตั้งใจเรียนมากขึ้น นักเรียนที่ไม่ได้เรียนกับตนก็รู้จัก และกล้าทักทาย ครูชินยังบอกอีกด้วยว่า อายุไม่ใช่ ข้อจํากัดในการพัฒนาตัวเอง ในการทําความรู้จัก กับเทคโนโลยีใหม่ๆ แต่อยู่ที่ทัศนคติหรือ ใจที่พร้อมเรียนรู้มากกว่า ถึงแม้ครูชินจะเติบโตมา ในยุคคอมพิวเตอร์ แต่ก็ยังต้องพัฒนาตนเอง อยู่เสมอ โดยตอนแรกนั้นตนก็ใช้งานโปรแกรม ตัดต่อวิดีโอไม่เป็น แต่ได้เริ่มเรียนรู้ด้วยตนเองผ่าน YouTube ครูชินได้ทิ้งท้ายคําแนะนําให้แก่ครูที่สนใจใช้ TikTok เป็นเครื่องมือในการเรียนการสอนว่า เราต้องรู้จักตัวตน เข้าใจตัวเองก่อน เพื่อหา จุดเด่นของเรา สําหรับตนจะลองคิดในมุมกลับว่า อายุไม่ใช่ข้อจํากัดในการพัฒนาตัวเอง ในการทําความรู้จักกับเทคโนโลยีใหม่ๆ แต่อยู่ที่ทัศนคติหรือใจที่พร้อมเรียนรู้ แม้ครูชินจะเติบโตมาในยุคคอมพิวเตอร์ แต่ก็ยังต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอวิทยาจารย์ • 53 หากตนเป็นนักเรียนเองจะต้องการผู้สอนแบบไหน ต้องการสื่อการเรียนแบบไหน นอกจากนั้นยังต้องคอย สังเกตผู้เรียนอีกด้วย ในอนาคต ครูชินคาดไว้ว่าจะทํา เนื้อหาการสอนแบบละครสั้น เนื่องจากกําลังเป็นที่นิยม ในหมู่สังคมออนไลน์และนักเรียนก็ชื่นชอบกันมาก เพิ่มเติมจากเดิมที่เคยใช้เพลงมาสอนเรื่องหลักภาษา และการแรปมาสอนเรื่องวรรณคดี ปัจจุบัน กระทรวงศึกษาธิการ สถาบันส่งเสริม การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ร่วมมือกับ TikTok ส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างสรรค์ เนื้อหาทางการศึกษาที่ตอบโจทย์พฤติกรรมนักเรียน ยุคใหม่ โดยให้ความรู้กับครู อาจารย์ และนักเรียน ทั่วประเทศผ่านการอบรมเชิงปฏิบัติการในการสร้าง วีดิโอเนื้อหาเพื่อการศึกษา นํา TikTok มาประยุกต์ใช้ เป็นสื่อการเรียนการสอน เพิ่มความสนุกสนาน รวมทั้ง มีแคมเปญอย่าง #TikTokUni ที่สนับสนุนให้ผู้ใช้ เข้ามาร่วมสร้างเนื้อหาในการให้ความรู้ ทั้งครู อาจารย์ นักเรียนนักศึกษา แจ้งเกิดดาว TikTok มากมาย ผ่านแฮชแท็กต่างๆ เช่น #เก่งภาษากับTikTok ที่ให้ความรู้ด้านภาษาต่างประเทศ ทั้งอังกฤษ เยอรมัน ญี่ปุ่น จีน เกาหลี หรือภาษาบาลี - สันสกฤต กรีก - โรมัน ภาษาถิ่น รวมทั้งภาษามือ #วิทย์ที่คุณไม่รู้ นําเสนอวิทยาศาสตร์ในชีวิตประจําวัน การทดลอง ทางวิทยาศาสตร์ หรือการพิสูจน์หาความจริง รวมถึง ดาราศาสตร์และอวกาศ #TikTokแนะแนว บอกเล่า เรื่องราวการประกอบอาชีพต่างๆ เช่น หมอ พยาบาล แอร์โฮสเตส หรือนักเขียน นักแปล เพื่อให้สังคม และนักเรียนได้เข้าใจถึงภาพการทํางานจริงของอาชีพ ต่างๆ #สังคมต้องรู้ ถ่ายทอดถึงเรื่องราวในสังคม ในเชิงวิชาการ เช่น ประเด็นเศรษฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม รวมถึงการดําเนินชีวิตที่เป็นประโยชน์และ เตือนภัย และ #ถ่ายไงให้ได้งี้ เป็นแฮชแท็กที่ใช้ แบ่งปันเทคนิคและวิธีการถ่ายภาพ วิดีโอ รวมถึง การใช้งานแอปพลิเคชันตัดต่อ เป็นต้น อ้างอิง • https://newsroom.tiktok.com/th-th/moe-partners- tiktok-in-developing-thai-education-through- digital-learning • https://www.bangkokbanksme.com/en/trending- content-in-tiktok-for-educationผู้มีความสามารถพิเศษ มารู้จักกับ Sirius ศูนย์พัฒนาเพื่อเรียนรู้ร่วมกับเยาวชนระดับหัวกะทิของรัสเซีย ที่มุ่งเน้นการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ ศิลปะ และกีฬา ถือเป็นแบบอย่างหนึ ่ ง ในการเฟ้นหาเด็กผู้มีความสามารถและผลักดันตั้งแต่เนิ ่ นๆ เรื่อง ปรีดา ชัยนาจิตร โมเดลการค้นหา และพัฒนาเด็ก 54 • วิทยาจารย์ การศึกษา ยุทธศาสตร์S irius Educational Center ศูนย์พัฒนาอัจฉริยภาพและศักยภาพ ผู้มีความสามารถพิเศษเชิงบูรณาการ หรือศูนย์พัฒนาปัญญาเลิศของรัสเซีย ถูกจัดตั้งขึ้นโดยมูลนิธิ Talent and Success Educational Foundation โดยอาศัยโครงสร้าง พื้นฐานการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว ที่ Sochi เมื่อปี 2014 เป็นสถานที่สําหรับพัฒนา เด็กที่มีความสามารถพิเศษ ซึ่งเป็นความคิดริเริ่ม ของ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีแห่ง สหพันธรัฐรัสเซีย โดยบุคคลสําคัญที่มีผลงาน โดดเด่นด้านวิทยาศาสตร์ กีฬา และศิลปะ ได้ร่วมกัน ก่อตั้งมูลนิธิดังกล่าวขึ้นในวันที่ 24 ธันวาคม 2014 ศูนย์พัฒนาอัจฉริยภาพแห่งนี้ไม่เพียงก่อตั้งขึ้น เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมในการพัฒนาเยาวชน ที่มีความสามารถพิเศษ แต่ยังมีจุดประสงค์เพื่อ ใช้ประโยชน์และสนับสนุนการเจริญเติบโตของ Sochi เมืองเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ฤดูหนาวและสิ่งก่อสร้างต่างๆ ด้วย ศูนย์ดังกล่าว เชื้อเชิญเด็กเยาวชนผู้ชนะการแข่งขันโครงการ วิทยาศาสตร์ของตนให้มาใช้เวลา 24 วัน อยู่ที่ ศูนย์พัฒนา เพื่อเรียนรู้ร่วมกับเยาวชนระดับหัวกะทิ ของรัสเซีย ศูนย์ Sirius ดําเนินก ิ จกรรมต่างๆ ภายใต้ หนังสืออนุญาตของมูลนิธิและใบอนุญาตในการจัด กิจกรรมการศึกษา โดยได้รับการสนับสนุนและ การประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐหลายกระทรวง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงศึกษาธิการและวิทยาศาสตร์ (Ministry of Education and Science) กระทรวงการกีฬา (Ministry of Sports) และ กระทรวงวัฒนธรรม (Ministry of Culture) ของสหพันธรัฐรัสเซีย วัตถุประสงค์ของศูนย์ Sirius คือ การระบุ ตัวบุคคล การพัฒนา และการสนับสนุนทางวิชาชีพ เพิ่มเติมตั้งแต่แรกเริ่มแก่เด็กที่มีความสามารถพิเศษ มีความโดดเด่นในด้าน 3 ด้านสําคัญ คือ ศิลปะ กีฬา และวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ ตลอดจน ประสบผลสําเร็จในด้านความคิดสร้างสรรค์ เชิงเทคนิค ศูนย์พัฒนาปัญญาแห่งนี้ดําเนินงานตลอดทั้งปี การเดินทางและพักอาศัยในศูนย์ฯ ไม่มีค่าใช้จ่าย สําหรับเด็กเยาวชน ในแต่ละเดือนเด็กอายุระหว่าง 10 - 17 ปี จํานวน 600 คน จากภูมิภาคต่างๆ ของรัสเซียจะเดินทางมายัง Sirius นอกจาก เยาวชนแล้ว ครูและผู้ฝึกสอนมากกว่า 100 ราย ยังเดินทางมาที่นี่เพื่อพัฒนาขีดความสามารถ ของตนเองด้วย การฝึกอบรมจะจัดขึ้นโดยครูชั้นนํา จากโรงเรียนที่มีความโดดเด่นด้านกีฬา ฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยา รวมถึงบุคคลสําคัญทางศิลปะ ของรัสเซียในด้านดุริยางคศิลป์ บัลเลต์คลาสสิค และวิจิตรศิลป์ โปรแกรมการศึกษาถูกออกแบบไว้ สําหรับการฝึกอบรมเป็นเวลา 24 วัน มีทั้งชั้นเรียน ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และกิจกรรมสันทนาการ โปรแกรมการศึกษาสําหรับ การฝึกอบรมเป็นเวลา 24 วัน มีทั้งชั้นเรียน ความเชี่ยวชาญ เฉพาะด้าน กิจกรรมสันทนาการ ตลอดจนมีการประชุมกับ มืออาชีพในแขนงต่างๆ วิทยาจารย์ • 55โครงสร้างพื้นฐานสถานที่จัดการแข่งขัน กีฬาโอลิมปิกของ Sochi และพันธมิตร ของศูนย์ Sirius 4) การสร้างระบบ “กลไก การยกระดับทางสังคม” (Social Elevator) สําหรับเยาวชนรัสเซียที่มีความสามารถ โดยผสาน การแนะแนวอาชีพ การศึกษา การกีฬา ความคิดสร้างสรรค์ การวิจัย และทรัพยากรอื่นๆ เพื่อการพัฒนาวิชาชีพของเด็ก และ 5) การกําหนด มาตรการจูงใจเพื่อสร้างความร่วมมือกับ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ ตลอดจนการเข้าร่วม ของผู้เข้าร่วม ครู ผู้เชี่ยวชาญ และพันธมิตร รายใหม่ รวมถึงธุรก ิ จต่างๆ ในบริบทการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ Sirius มุ่งเน้นการทําโครงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภายใต้ชื่อ Big Challenges ที่จัดมาตั้งแต่ ปี 2016 เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กนักเรียนได้สร้างสรรค์ นวัตกรรมตั้งแต่ต้นจนจบในด้านวิทยาศาสตร์ ชั้นเรียนกับผู้ชํานาญ ตลอดจนมีการประชุม กับมืออาชีพที่ได้รับการยกย่องในแขนงต่างๆ มีกระบวนการสร้างสุขภาวะที่ดีและชั้นเรียนทั่วไป ที่เด็กๆ จะได้รับในปีการศึกษาปกติ เป้าหมายหลักของศูนย์ Sirius มี 5 ประการ คือ 1) การเพิ่มจํานวนเด็กนักเรียนและครู ชาวรัสเซียที่มีความสามารถพิเศษให้มากที่สุด เพื่อช่วยเพิ่มระดับการฝึกอบรมทางวิชาชีพ ในด้านสําคัญ 2) การยกระดับสภาพแวดล้อม ในการบรรลุศักยภาพทางปัญญาและส่วนบุคคล การตัดสินใจด้วยตัวเองในสายอาชีพ และ การส่งเสริมเด็กโดยไม่จํากัดเรื่องที่อยู่อาศัย สถานภาพทางสังคม และศักยภาพทางการเงิน ของครอบครัว 3) การพัฒนาแนวทางใหม่ ในการรวบรวมเด็กที่มีความสามารถพิเศษ ในกิจกรรมทางปัญญา ความคิด ศิลปะ กายภาพ และเป็นประโยชน์ทางสังคม โดยอาศัยศักยภาพ 56 • วิทยาจารย์และเทคโนโลยีที่มีความสําคัญ โดยภายใน เวลา 3 สัปดาห์ เด็กนักเรียนเกรด 8 - 10 จะช่วยกัน แก้ไขประเด็นปัญหาของบริษัท สถาบันวิจัย วิทยาศาสตร์ และมหาวิทยาลัยต่างๆ ในรัสเซีย ซึ่งมีนักเรียนจํานวน 400 คน จาก 59 ภูมิภาค ของรัสเซียเข้าร่วมโปรแกรมดังกล่าว ด้วยความร่วมมือ จากพันธมิตร จํานวน 70 ราย จนเกิดเป็นโครงการ 65 โครงการ โครงการ Big Challenges ที่ได้รับรางวัล และการยอมรับในระดับประเทศและนานาชาติ ได้แก่ แพลตฟอร์มการศึกษา Atlas VR ที่สร้าง สําเนาดิจิทัลของสถานที่ทางภูมิศาสตร์ ชีววิทยา ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม โดยอาศัยภาพถ่าย จากอวกาศ ซึ่งวัตถุเสมือนจริงจะแสดงผล อยู่บนแว่นตาความจริงเสมือน (VR) หรือ บนจอภาพ ส่งผลให้ได้รับรางวัล ComNews Awards Digital Economy 2018 ของรัสเซีย เนื่องจาก เป็นโครงการที่มีนัยสําคัญต่อการศึกษาดิจิทัล นอกจากนี้ โครงการระบบ Digital Twin ที่สามารถติดตามสถานะของอากาศยาน จากระยะไกลและแบบ Real-Time ช่วยให้สามารถ วางแผนการซ่อมบํารุงได้อย่างรวดเร็วและแม่นยํา ตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที ได้เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในระดับภูมิภาคของ การแข่งขันนานาชาติในงาน Google Science Fair ที่มี 30 ประเทศเข้าร่วมแข่งขัน เช่น เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา จีน เวียดนาม และสิงคโปร์ จากผลลัพธ์ข้างต้นจึงกล่าวได้ว่า โมเดลศูนย์พัฒนา อัจฉริยภาพและศักยภาพผู้มีความสามารถ พิเศษเชิงบูรณาการของ Sirius มีศักยภาพที่จะ เป็นแบบอย่างของระบบนิเวศและแพลตฟอร์ม ในการสั่งสมและทดสอบแนวปฏิบัติการศึกษา ด้านวิทยาศาสตร์ ศิลปะ และการกีฬาที่ไทยสามารถ ใช้เป็นต้นแบบในการค้นหา พัฒนา และผลักดัน ศักยภาพผู้มีความสามารถพิเศษให้ก้าวไปสู่เวที ระดับโลกต่อไป Sirius มุ่งเน้นการทําโครงการ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภายใต้ชื่อ Big Challenges เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กนักเรียน ได้สร้างสรรค์นวัตกรรม ตั้งแต่ต้นจนจบในด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีที่มีความสําคัญ เป้าหมายส�าคัญ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย มีเป้าหมายที่จะผลักดันให้เกิดจัดตั้ง ศูนย์พัฒนาอัจฉริยภาพและศักยภาพ ผู้มีความสามารถพิเศษตามแบบอย่าง ของ Sirius ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ภายในปี 2024 หรือเร็วกว่านั้น วิทยาจารย์ • 57Next >