< Previous58 • วิทยาจารย์ เรื่อง ปรารถนา สําราญสุข หลายคนคงเคยได้ยินคํากล่าวที่ว่า “พรสวรรค์หรือจะสู้พรแสวง” มนุษย์ทุกคนนั้น ย่อมมีพรสวรรค์อยู่ในตัว ขึ ้ นอยู่กับว่าจะหามันเจอหรือไม่ แล้วพรสวรรค์ อยู่แห่งหนใดกันเล่า เราจึงได้รวบรวมพรสวรรค์ 8 ด้านมาให้คุณครูได้อ่าน เพื่อที่จะได้ช่วยให้นักเรียนค้นพบและได้ใช้ให้เกิดประโยชน์ในอนาคต ทฤษฎี แห่ง พรสวรรค์ Safe Zoneวิทยาจารย์ • 59 พ รสวรรค์ 8 ด้าน ดังกล่าว อ้างอิง มาจากทฤษฎีของนักจิตวิทยา ชาวอเมริกัน Howard Gardner ที่เผยแพร่ทฤษฎีซึ่งอธิบาย ประเภทของพรสวรรค์หรือความสามารถพิเศษ ของมนุษย์ ที่เป็นส่วนสําคัญในการผลักดัน ให้ประสบความสําเร็จในชีวิตทั้งหมด 8 ด้าน ด้วยกัน (แรกเริ่มเดิมทีมีเพียง 7 ด้าน) ภายใต้ชื่อ “Gardner's Theory of Multiple Intelligences” โดย Gardner อธิบายว่า พรสวรรค์หรือความสามารถพิเศษของมนุษย์นั้น มิได้จํากัดอยู่เพียงด้านหนึ่งด้านใด มนุษย์หนึ่งคน สามารถครอบครองพรสวรรค์ได้หลายด้าน ทั้งนี้ พรสวรรค์ยังเป็นสิ่งที่ไม่จีรังยั่งยืน มีเกิดขึ้นได้ ก็ต้องมีดับไปได้ หากไม่หมั่นขวนขวายที่จะพยายาม รักษาและพัฒนาต่อยอดมัน Gardener ยํ้าด้วยว่า ทุกคนมีพรสวรรค์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตน แล้วพรสวรรค์ทั้ง 8 ด้าน ตามทฤษฎีของ Gardener มีลักษณะเป็นอย่างไร ลูกของคุณ มีความสามารถพิเศษเหล่านี้หรือเปล่า ขอเชิญร่วม ค้นหาคําตอบและสังเกตพวกเขาไปพร้อมกันได้เลย 1. Linguistic-Verbal Intelligence (ปราดเปรื่องเรื่องภาษา) ความสามารถพิเศษในด้านนี้สามารถสังเกตได้ จากความเจนจัดในการใช้ถ้อยคําและภาษาต่างๆ ผ่านทั้งวิธีการเขียนและการพูด พวกเขาเหล่านี้ มักหลงรักการอ่านหนังสือ การเขียนเรื่องสั้นหรือ เรื่องราวตามจินตนาการ รวมไปถึงการบอกเล่า เรื่องราวเหล่านั้นให้คนรอบตัวฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ ทั้งยังชื่นชอบการโต้วาที การกล่าวสุนทรพจน์ และยังมีความสามารถเพิ่มเติมด้านความตลกขบขัน ที่พวกเขามักนําไปสอดแทรกในการสื่อสาร เพื่อให้เรื่องราวที่ต้องการถ่ายทอดมีความน่าสนใจ มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ พวกเขายังมีความสามารถ จดจําเรื่องราวผ่านการอ่านได้อย่างยอดเยี่ยม อาชีพในอนาคต: นักเขียน บรรณาธิการ ทนายความ ครู มนุษย์หนึ ่ งคนสามารถ ครอบครองพรสวรรค์ได้ หลายด้าน ทั้งนี้ พรสวรรค์ ก็ยังเป็นสิ ่ งที่ไม่จีรังยั่งยืน มีเกิดขึ ้ นได้ก็ต้องมีดับไปได้ หากไม่หมั่นขวนขวายที่จะรักษา และพัฒนาต่อยอดมัน60 • วิทยาจารย์ 2. Logical-Mathematical Intelligence (คณิตคิดเร็ว) คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกผู้ซึ่งขยันแก้โจทย์เลข บวกลบคูณหารเลขในใจได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ ตอนรับเงินทอนจากร้านสะดวกซื้อแล้วล่ะก็ ขอให้เชื่อได้เลยว่าลูกของคุณมีความสามารถ พิเศษในด้านนี้ โดยพวกเขาเหล่านี้มักจะชื่นชอบ ในกฎเกณฑ์ที่ถูกต้องชัดเจน ไม่เน้นการพลิกแพลง เก่งในเรื่องการวิเคราะห์ถึงปัญหาต่างๆ อันเป็น จุดเริ่มต้นของความสามารถในการแก้ไขปัญหา เฉพาะหน้าในอนาคต ทั้งยังชอบเล่นเกมที่ต้อง อาศัยศาสตร์ด้านการวางแผนยุทธศาสตร์และ การกําหนดกลยุทธ์เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะหรือ หลงใหลในการทดลองทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ ที่ปัจจุบันสามารถศึกษาเรียนรู้ และทําตาม ได้อย่างง่ายดายผ่านทาง YouTube อาชีพในอนาคต: วิศวกร นักวิทยาศาสตร์ นักคณิตศาสตร์ โปรแกรมเมอร์ นักบัญชี 3. Bodily-Kinesthetic Intelligence (มุ่งเน้นไปที่สัมผัส ผ่านทางร่างกาย) ความสามารถนี้จะแสดงออกมาได้อย่างเด่นชัด ในเด็กที่ถนัดเรื่องการใช้ร่างกายเพื่อสื่อสารถึง ความรู้ที่ตนเองมีได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น การเคลื่อนไหวร่างกาย การบังคับหรือออกคําสั่ง ส่วนต่างๆ ของร่างกาย และการแสดงออกด้วย การกระทําต่างๆ อย่างคล่องแคล่วว่องไว พวกเขา มักจะเรียนรู้และจดจําสิ่งต่างๆ ผ่านการลงมือทํา มากกว่าการจดจําผ่านการอ่านหรือการฟัง ตัวอย่างที่เด่นชัดของเด็กที่มีความสามารถในด้านนี้ ก็คือ เด็กที่ชอบเล่นกีฬา ชอบเต้น เต้นบัลเลต์ หรือ ชื่นชอบในงานหัตถกรรมและงานคราฟต์ต่างๆ เช่น งานเย็บปักถักร้อย งานเลื่อย งานแกะสลักไม้ เป็นต้น อาชีพในอนาคต: แดนเซอร์ นักแสดง นักกีฬา ช่างไม้ ช่างปั้นวิทยาจารย์ • 61 4. Visual-Spatial Intelligence (สายตามันหลอกกันไม่ได้) เด็กกลุ่มนี้มักมีไหวพริบเรื่องการใช้สายตา ในการจดจํา ร้อยเรียงเรื่องราว และสังเกตเพื่อ ใช้ประกอบการแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยสามารถ ดูได้จากความชื่นชอบในการใช้ความคิดสร้างสรรค์ และจินตนาการที่ปราศจากขีดจํากัด เช่น ชอบอ่าน ชอบขีดเขียน ชอบวาดรูปเพื่อความสนุกสนาน ชอบเล่นจิ๊กซอว์ ชอบเล่นเกมไขปริศนาต่างๆ เก่งเรื่องตีความจากรูปภาพ แผนผัง และแผนภูมิ ทั้งยังจดจําข้อมูลเหล่านี้ผ่านรูปภาพได้ดีอีกด้วย นอกจากนี้ เด็กเหล่านี้ยังชอบฝันพรํ่าเพ้อ ในเรื่องราวที่เก ิ นความเป็นจริง มีจินตนาการ ที่ลํ้าเลิศ ดังตัวอย่างของการชอบเล่นขายของ เล่นพ่อแม่ลูก หรือการจินตนาการว่าตัวเองคือ นางเงือกหรือเจ้าหญิง อาชีพในอนาคต: สถาปนิก ศิลปิน วิศวกร 5. Musical Intelligence (เพราะดนตรีคือสิ ่ งหล่อเลี้ยงชีวิต) เมื่อเสียงดนตรีถ่ายทอดออกมาจากเด็กคนใด มองออกได้เลยว่าเด็กคนนั้นมีความสามารถพิเศษ ในด้านนี้อย่างแน่นอน โดยทั่วไปแล้วเด็กที่มี ความสามารถด้าน Musical Intelligence จะเป็นเด็กที่มีจุดแข็งด้านจังหวะ ทํานอง โทนเสียง ตัวโน้ต และโครงสร้างของเพลง โดยพวกเขา มักชํ่าชองเรื่องการแต่งเพลง แสดงดนตรี รวมถึง มีความสามารถในการจดจําบทเพลงจํานวนมาก ได้อย่างดีเยี่ยม และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือพวกเขา มักหลงใหลในเสียงเพลงอย่างลึกซึ้งจนสามารถ เรียกได้ว่าเป็นอีกปัจจัยหนึ่งในการดํารงชีวิต เลยทีเดียว อาชีพในอนาคต: นักร้อง นักดนตรี นักประพันธ์ วาทยกร ครูสอนร้องเพลง62 • วิทยาจารย์ 6. Interpersonal Intelligence (เชี่ยวชาญเรื่องการมีปฏิสัมพันธ์) Interpersonal Skill เป็นความสามารถพิเศษ ที่มีความจําเป็นอย่างมากสําหรับการลงสนาม ทํางานในยุคปัจจุบัน เรียกได้ว่าใครที่เชี่ยวชาญ ในด้านนี้ย่อมมีชัยในการทํางานไปมากกว่าครึ่ง เด็กๆ ที่มีความสามารถพิเศษในด้านนี้สามารถ สังเกตได้จากบทบาทที่พวกเขาแสดงออกมา ในกลุ่มเพื่อน ไม่ว่าจะเป็นลักษณะผู้นําที่ชอบ นําเพื่อนเล่นเกม นําเพื่อนทานขนม นําเพื่อนดูหนัง ดูการ์ตูน โดยในยามที่เพื่อนๆ มีปัญหาพวกเขา ก็มักจะเป็นผู้นําในการสะสางปัญหา และมักจะเก่ง ในเรื่องการไกล่เกลี่ยปัญหาอย่างประนีประนอม นอกจากนั้น พวกเขายังใส่ใจความรู้สึกคนรอบข้าง จากการตีความความรู้สึกนึกคิด ความต้องการ ความปรารถนา และอารมณ์ของผู้อื่นได้อย่าง ดีเยี่ยมอีกด้วย อาชีพในอนาคต: นักจิตวิทยา ที่ปรึกษา นักขาย นักการเมือง นักปราชญ์ 7. Intrapersonal Intelligence (นํ ้ านิ ่ งย่อมไหลลึกเป็นธรรมดา) แม้ว่ามองดูภายนอกจะเห็นว่าเด็กเหล่านี้ดูเป็น คนขี้อาย ไม่ค่อยกล้าพูด และไม่ค่อยกล้าแสดงออก แต่แท้จริงแล้วพวกเขาคือคนที่เข้าใจความต้องการ แรงบันดาลใจ และเป้าหมายของตัวเอง เพลิดเพลิน ไปกับการสร้าง Self-Motivation เรียกได้ว่า รู้จักแนวทางของตนเองได้อย่างแน่ชัด ทั้งยังมี Self-Awareness เก่งในเรื่องการปิดบังถึง การแสดงความรู้สึก ณ ขณะนั้นของตนเองออกมา เพราะทราบดีว่าผลลัพธ์ของการแสดงความรู้สึก เช่นนั้นออกมา จะนําพาสถานการณ์ไปในทิศทางใด อาชีพในอนาคต: นักเขียน นักวิทยาศาสตร์ นักปราชญ์วิทยาจารย์ • 63 8. Naturalistic Intelligence (ฉันรักธรรมชาติเพราะธรรมชาติ ช่วยให้สรรพสิ ่ งยังดํารงชีวิตต่อได้) ความสามารถพิเศษในด้านนี้เพิ่งจะถูกเพิ่ม เข้ามาในทฤษฎีเมื่อไม่นานมานี้ โดย Gardner อธิบายว่า คนที่มีความสามารถพิเศษในด้านนี้ มักสังเกตได้จากความสนใจใคร่รู้ต่อการเลี้ยงดู การค้นหา และการเรียนรู้ในเรื่องราวที่ผูกโยง กับทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ไปจนถึง สปีชีส์ทางชีววิทยาต่างๆ โดยมีจุดร่วมของ คุณลักษณะ คือ ความหวาดระแวงถึงปัญหา โลกร้อนและธรรมชาติที่ถูกทําลายด้วยนํ้ามือ ของมนุษย์ โดยเด็กๆ ที่มีความสามารถในด้านนี้ มักจะหลงใหลเรื่องต้นไม้ใบหญ้า ชอบท่องเที่ยว สวนพฤกษศาสตร์ หลงใหลเรื่องไดโนเสาร์และ สรรพสัตว์ ชอบเที่ยวสวนสัตว์ ทั้งยังชอบเดินป่า ปีนเขา ตั้งแคมป์ รวมไปถึงการทําก ิ จกรรม Outdoor ต่างๆ อาชีพในอนาคต: นักชีววิทยา เกษตรกร นักอนุรักษ์ อ่านมาจนถึงจุดนี้หลายๆ คนคงมองเห็นแล้ว ว่าความสามารถพิเศษตามทฤษฎีของ Gardner สามารถเชื่อมโยงกับความสนใจด้านไหน ที่เด็กๆ มีบ้าง โจทย์ต่อไปก็คือการสนับสนุน และส่งเสริม รวมทั้งเป็นส่วนหนึ่งในการถ่ายทอด เรื่องราวเพื่อให้พวกเขาได้มีโอกาสเพิ่มพูน พรสวรรค์ของตนเองให้มีประสิทธิภาพเพียงพอ สําหรับใช้เป็นประโยชน์ในอนาคต สําหรับคําถาม ที่ว่า “พรสวรรค์อยู่แห่งหนใด” หลายคนก็พอจะ นึกเดาคําตอบได้แล้วว่าพรสวรรค์อยู่ในความสนใจ ใคร่รู้และความหลงใหลที่แต่ละบุคคลมี ไม่ว่าจะ ในด้านหนึ่งด้านใดหรือในหลายๆ ด้านนั่นเอง เอกลักษณ์เฉพาะบุคคล พรสวรรค์ หมายถึง ความสามารถหรือ ความถนัดเฉพาะบุคคล ที่สร้างความโดดเด่น ให้แต่ละบุคคล จนสามารถเรียกได้ว่าคือ “ความสามารถพิเศษ” เมื่อเราค้นพบพรสวรรค์แล้วอย่าลืม หมั่นรดนํ ้ า เติมพลังความทุ่มเท ความพยายาม และความตั้งใจ เพื่อหล่อเลี้ยงให้พรสวรรค์ เกิดการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น จนสามารถ นําพาความสําเร็จมาสู่ชีวิตในที่สุด หมอ หมอฟัน หมอความ หมอดู แม้จะมีคําว่าหมอเหมือนกัน แต่ก็ต้องการ ความสามาถพิเศษในศาสตร์ที่แตกต่างกัน โดยสิ ้ นเชิง ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่ไม่แปลก ที่มนุษย์แต่ละคนมีพรสวรรค์ที่เป็นเอกลักษณ์ เฉพาะตน64 • วิทยาจารย์ EDU Classroom เรื่อง วราภา ไทยประเสริฐ การเรียนรู้ที่หลากหลายเกิดขึ ้ นได้เมื่ออาศัยเทคโนโลยีมาเพิ ่ มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการเรียนที่ใช้เทคโนโลยีเสมือนจริงจะนําไปสู่การพลิกโฉมการศึกษา สามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะอยู่ในหรือนอกห้องเรียน ผสมผสานเทคโนโลยีการเรียนรู้ ก้าวไปสู่ห้องเรียนแห่งอนาคตวิทยาจารย์ • 65 เ ทคโนโลยีประเภทต่างๆ ถูกประยุกต์ใช้งาน ในห้องเรียนเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลกระทบจากการ แพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เปลี่ยนวิธีสอน และเล่าเรียนหนังสือจากหน้ามือเป็นหลังมือ ด้วยเหตุนี้ ในปัจจุบัน เหล่านักเรียนตั้งแต่ ชั้นอนุบาลไปจนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จําเป็นต้องปรับตัวให้คุ้นชินกับการเรียนทางไกลผ่าน แพลตฟอร์มดิจิทัลที่ผสมผสานเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามายังภาคการศึกษา เพื่อสร้างประสบการณ์ การเรียนการสอน อันนําไปสู่ผลลัพธ์การเรียน ที่ดียิ่งขึ้น เทคโนโลยีที่สามารถนํามาประยุกต์ใช้ใน ภาคการศึกษามีหลากหลายประเภท เช่น เทคโนโลยีความจริงเสริม (VR) และความจริงเสริม (AR) ช่วยให้การเรียนหนังสือสามารถแลกเปลี่ยน ตอบโต้ได้มากกว่าวิธีแบบเก่า เทคโนโลยีปัญญา ประดิษฐ์ (AI) ช่วยให้กิจกรรมสําคัญในโรงเรียน สามารถดําเนินไปโดยอัตโนมัติ และทําให้เกิด การเรียนรู้เฉพาะบุคคลในกลุ่มของนักเรียน การประมวลผลแบบคลาวด์ (Cloud Computing) เอื้อให้นักเรียนเข้าถึงแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ ไม่ว่าอยู่ที่ใดในโลก การพิมพ์ 3 มิติ (3D Printing) ช่วยส่งเสริมความเข้าใจในเนื้อหาบทเรียนด้วย แบบจําลอง 3 มิติ แทนที่ภาพตัวอย่าง 2 มิติ ที่ปรากฏ ในหนังสือเรียน ข้อมูลชีวมิติ (เช่น ลายนิ้วมือ ม่านตา ใบหน้า) ช่วยเพิ่มความสะดวกในกระบวนการศึกษา และยกระดับการปฏิบัติตามระเบียบวินัย อย่างการตรวจสอบการเข้าชั้นเรียนของนักเรียน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ในบทความนี้จะกล่าวถึง เทคโนโลยีที่มีบทบาทโดดเด่นมากที่สุด อันก่อให้เกิด การเรียนรู้แห่งอนาคตในห้องเรียน (ไม่ว่าจะเป็น ห้องเรียนแบบเสมือนหรือห้องเรียนจริง) ของระบบ การเรียนรู้แบบผสมผสาน ได้แก่ AI และเทคโนโลยี สมจริง เช่น AR และ VR ปัญญาประดิษฐ์ (AI) นับเป็นเครื่องมือสําคัญ ในห้องเรียนที่สร้างประโยชน์ให้แก่ทั้งผู้เรียน และผู้สอน AI มีศักยภาพทําให้ก ิ จกรรมพื้นฐาน ในภาคการศึกษา เช่น การให้คะแนนหรือเกรด ทํางานแบบอัตโนมัติ ในปัจจุบันครูผู้สอนสามารถ ให้คะแนนโจทย์แบบมีตัวเลือก (ปรนัย) และเติมคํา ในช่องว่างโดยอัตโนมัติ ดังนั้น การให้คะแนน ข้อสอบข้อเขียน (อัตนัย) ของนักเรียนโดยอัตโนมัติ อาจเก ิ ดขึ้นตามมาในอนาคตอันใกล้ นอกจาก การเตรียมแผนการเรียนการสอนบทเรียนและ การให้คะแนนสอบหรือสอบย่อยแบบอัตโนมัติ AI ยังสามารถนํามาใช้จัดทําการเรียนการสอน รายวิชาเฉพาะบุคคลและแหล่งข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อช่วยเหลือนักเรียนในการศึกษาหาความรู้ หลังจากวิเคราะห์และเก็บรวบรวมข้อมูล รวมทั้ง การปฏิสัมพันธ์กับระบบการเรียนดิจิทัล ของนักเรียน AI สามารถสร้างประสบการณ์ การเรียนรู้เฉพาะบุคคล เพื่อสร้างแนวทางและ วิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดที่ช่วยให้นักเรียน ประสบผลสําเร็จในการเล่าเรียน นอกจากนี้ นักเรียน ยังสามารถพึ่งพาครูผู้สอน AI ยามครูผู้สอนตัวจริง มีงานล้นมือที่จะดูแลเด็กทุกคน โรงเรียนบางแห่ง ใช้ระบบ AI ติดตามพัฒนาการการเรียนรู้ของนักเรียน และแจ้งเตือนครูผู้สอน เมื่อนักเรียนอาจมีปัญหา ในการเรียนหนังสือ ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวเก ิ นไป ที่ AI จะเป็นผู้ช่วยสอนประสิทธิภาพสูงในห้องเรียน นอกเหนือจาก AI แล้ว ประสบการณ์การเรียนรู้ ในห้องเรียนได้เผชิญการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก นับตั้งแต่เทคโนโลยี Virtual Reality (VR) หรือความจริงเสริม และ Augmented Reality (AR) เข้ามามีบทบาทในภาคการศึกษา เทคโนโลยี ดังกล่าวก่อให้เกิดประโยชน์แก่นักเรียนทุกระดับชั้น 66 • วิทยาจารย์ ตั้งแต่ระดับอนุบาลไปจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย ครูผู้สอนชั้นอนุบาลจนถึงระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 เผชิญอุปสรรคหลักประการหนึ่ง คือ ดึงดูด และรักษาระดับความสนใจของนักเรียน เทคโนโลยี VR และ AR ไม่เพียงช่วยกระตุ้นความสนใจของเด็ก แต่ยังช่วยทําให้การเรียนการสอนน่าตื่นเต้นและ มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมทั้งลดการให้คําอธิบาย ยืดยาวและเด็กๆ ยังได้สนุกกับบทเรียนมากยิ่งขึ้น สําหรับกลุ่มเด็กที่โตขึ้นมา นอกจากช่วยดึงดูด ความสนใจนักเรียนในกระบวนการเรียนรู้ AR/VR ยังสามารถอธิบายทฤษฎีแนวคิดอันซับซ้อน ที่ไม่อาจแสดงด้วยภาพหรือแม้แต่การทดลอง ด้วยตัวนักเรียนเองในห้องปฏิบัติการให้ย่อยได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น ณ University of California at San Francisco (UCSF) นักศึกษาแพทย์อาศัย VR จําลองสถานการณ์ผ่าตัดจริงและสามารถเรียนรู้ เจาะลึกเข้าไปยังร่างกายของมนุษย์ ด้วยการ ซูมขยายภาพเข้าไปศึกษาชั้นต่างๆ ของร่างกาย ตลอดจนสามารถถอดประกอบกล้ามเนื้อ อวัยวะ และกระดูกของมนุษย์ตามหลักการได้ตาม ความต้องการในการศึกษา อีกทั้งนักศึกษา ยังสามารถย้อนภาพร่างกายมนุษย์กลับไปยัง ชั้นผิวหนัง เริ่มต้นกระบวนการใหม่ทั้งหมดและ เรียนรู้ร่างกายมนุษย์ด้วยวิธี มิติ หรือมุมมองใหม่ๆ เปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถเติมเต็มความกระหาย ใคร่รู้ได้อย่างไม่มีขีดจํากัด เมื่อนํามาบูรณาการใช้งานร่วมกัน VR AR และ AI มีขีดความสามารถในการจัดทําเนื้อหา หลักสูตรและแผนการเรียนการสอนตั้งแต่ต้น จนจบ AI ทําหน้าที่ในเชิงเทคนิคและรายละเอียด เล็กน้อยต่างๆ ขณะที่ VR และ AR จะช่วยสร้าง ประสบการณ์และการจําลองแบบเสมือนจริง การใช้งานที่มีตัวอย่างจริงในภาคการศึกษา ได้แก่ CoSpaces Edu เครื่องมือ VR/AR ที่ไม่เพียง ช่วยครูผู้สอนออกแบบหลักสูตรและการบ้าน ในชั้นเรียน แต่ยังช่วยให้นักเรียนได้สัมผัส การเรียนเขียนโปรแกรมด้วยตนเอง ตลอดจน ออกแบบโลกเสมือนจริงในรูปแบบ 3 มิติ ส่วนกรณีที่ต้องการประสบการณ์การเรียนรู้ โดยตรงเชิงกายภาพมากขึ้น เทคโนโลยี การประมวลผลเชิงพื้นที่ (Spatial Computing) ได้ผลดีขึ ้ น โดยเฉลี่ยแล้วนักเรียนที่มีผลการเรียน ทั่วไปสามารถจดจําเนื้อหาที่ได้ยินและที่มองเห็น ได้เพียง 30% และ 20% ตามลําดับ แต่สถิติยืนยันว่า นักเรียนสามารถจดจําเนื้อหาบทเรียนได้มากถึง 90% หากเป็น ประสบการณ์การเรียนรู้ผ่าน AR หรือ VR เนื่องจากเทคโนโลยีนี้ เอื้อให้สามารถค้นหาแบบจําลองสมจริงและมุมมองต่างๆ ของหัวข้อการเรียนได้อย่างง่ายดาย แทนการฟัง อ่าน หรือจ้องเพียงแต่ภาพ 2 มิติวิทยาจารย์ • 67 ของ Merge Cube เอื้อให้นักเรียนสามารถ มีปฏิสัมพันธ์กับเนื้อหาดิจิทัลในรูปแบบ 3 มิติ (เช่น วัตถุโบราณ เซลล์ต้นไม้ รูปปั้น เป็นต้น) ที่อัพโหลดขึ้นไปยัง Merge Cube ทําให้สามารถ ใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา ทั้งครูผู้สอนและนักเรียน สามารถจัดทําเนื้อหาการเรียนการสอนสาขาวิชา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ (STEM) พัฒนาแอปพลิเคชัน และนํามาใช้งานจริง นอกจากนี้ Google Sky Map เป็นการใช้งานอีกรูปแบบหนึ่งที่ผสาน เทคโนโลยี VR AR และ AI เข้าด้วยกัน ก่อให้เกิด เป็นท้องฟ้าจําลองแบบพกพาที่ช่วยให้ผู้ใช้งาน สามารถค้นหาดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ เนบิวลา หรือกลุ่มก๊าซสีขาวต่างๆ เป็นต้น ได้ง่ายๆ เพียงหันโทรศัพท์ขึ้นไปยังท้องฟ้าเท่านั้น จึงเห็น ได้ว่าเทคโนโลยี AI VR และ AR เป็นเทคโนโลยี สําคัญกลุ่มหนึ่งที่จะช่วยพลิกโฉมการศึกษา ผ่านการเอื้อให้เก ิ ด “ห้องเรียนแห่งอนาคต” ในรูปแบบ ของระบบการเรียนรู้แบบผสมผสาน ซึ่งเพิ่ม ประสิทธิภาพการเรียนรู้ของนักเรียนทั้งในและ นอกห้องเรียนเนื่องจากช่วยนักเรียนจดจําข้อมูล การเรียนการสอนได้ดีกว่าผ่านประสาทสัมผัส ต่างๆ จากการสัมผัส มีปฏิสัมพันธ์และได้รับ ประสบการณ์โดยตรงแทนการฟังบรรยายหัวข้อ การเรียนต่างๆ ที่ไม่น่าตื่นเต้นนัก นอกจากนี้ แม้อุปกรณ์สวมใส่แว่นตา AR/VR และกล้อง AI อาจมีราคาสูงสําหรับการใช้งานภายในบ้าน ในปัจจุบัน แต่ในอนาคตอันใกล้ อุปกรณ์เหล่านี้ อาจมีราคาถูกลงและมีให้ใช้งานอยู่ทุกหนทุกแห่ง จึงมีศักยภาพเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการศึกษา ให้ครอบคลุมพื้นที่ในวงกว้างกว่าที่แล้วมา อ้างอิง • https://elearningindustry.com • https://www.gettingsmart.com • https://www.eqoptech.orgNext >